อัญชัน
ชื่อวงศ์: Leguminosae
ชื่อสามัญ: Blue pea, Blue vine, Butterfly pea, Pigeon wings
ชื่อพื้นเมือง: แดงชัน หรือ เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป:
ต้น ไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม
ใบ ประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม มีใบย่อย 5-9 ใบ รูปไข่แกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอก สีขาว ฟ้า และม่วง ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นคู่ตามซอกใบ รูปดอกถั่ว มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน กลีบดอก 5 กลีบ ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็ก แต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 ซม.
ฝัก/ผล ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-8 ซม.
เมล็ด รูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์: การเพาะเมล็ด
การใช้ประโยชน์: - เป็นไม้ประดับแสนสวย เป็นอาหาร ยา และเครื่องสำอาง
- นอกจากนั้นอัญชันเป็นพืชตระกูลถั่ว จึงปลูกคลุมดินเป็นปุ๋ยพืชสด บำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์
- ลำต้นและใบสดใช้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์เช่น แพะ แกะ โค กระบือได้
ถิ่นกำเนิด: อินเดีย
แหล่งที่พบ: พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปในหลายพื้นที่ มีสภาพที่แตกต่างกัน ทั้งในดินร่วนปนทราย ดินเหนียว ดินทราย
ส่วนที่ใช้บริโภค: ดอก
การปรุงอาหาร: กินเป็นผักได้ ทั้งจิ้มน้ำพริกสดๆ หรือชุบแป้งทอด
สถานที่พบ : หลังอาคาร 2
สถานที่พบ : หลังอาคาร 2
จำปา
ชื่อวงศ์: MAGNOLIACEAE
ชื่อสามัญ: Champaca
ชื่อพื้นเมือง: จัมปา จำปากอ (มลายู ภาคใต้) จำปาเขา (ตรัง) จำปาทอง (นครศรีธรรมราช) จำปาป่า (สุราษฎร์ธานี) มณฑาดอย
ลักษณะทั่วไป:
ต้น เป็นไม้ยืนต้นลำต้นขนาดกลาง ลำต้นกลมสูงประมาณ 20 ฟุตมีสีน้ำตาลปนขาวเล็กน้อย กิ่งเปราะ เรือนยอดเป็นพุ่มโปร่ง ยอดอ่อนมีหูใบหุ้ม ลำต้นและกิ่งมีเส้นควั่นเป็นรอย และมีตุ่มเล็กๆ
ใบ ใบสีเขียวใหญ่เป็นมัน เดี่ยว เรียงเวียนสลับ แผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน ถึงรูปใบหอก กว้าง 4–10 ซม. ยาว 5–20 ซม. ปลายใบแหลม ใบกว้างประมาณ 5 นิ้ว ยาวประมาณ 10 นิ้ว โคนใบกลม มน หรือสอบ เส้นแขนงใบ 16–20 คู่ ก้านใบยาว 2–4 ซม. ใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ท้องใบมีขนอ่อนด้านล่าง
ดอก ดอกเป็นดอกเดียว มีขนาดใหญ่กว่าดอกจำปี มีสีเหลืองอมส้ม ออกตามง่ามใบ กลีบดอกยาว มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกรวมกัน 12–15 กลีบ กลีบด้านนอกรูปหอกกลับ ยาว 4–4.5 ซม. กว้าง 1–1.5 ซม. ปลายเรียวแหลม กลีบดอกชั้นในสั้นและแคบกว่าชั้นนอก เกสรเพศผู้มีจำนวนมากมีขนาดใหญ่กว่าดอกจำปี มีสีเหลืองอมส้ม รังไข่รวมกันเป็นแท่งสีเขียวอ่อน ยอดแหลมคล้ายฝักข้าวโพดเล็กๆ ก้านดอกยาว 1–2 ซม. เวลาบานกลีบใหญ่โค้งงอเข้าภายในดอก ไม่บานกระจายแบบดอกจำปี
ฝัก/ผล รูปรี หรือรูปไข่ เปลือกแข็ง ขนาดยาว 1–2 ซม. ออกเป็นกลุ่ม เปลือกผลมีจุดสีขาวขรุขระโดยรอบ ผลแก่สีน้ำตาล แตกด้านข้าง
เมล็ด เมล็ดสีดำ ค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงส้ม
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกเกือบตลอดปี
การดูแลรักษา: เป็นไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ควรเป็นดินร่วน โปร่ง อุดมสมบูรณ์
การขยายพันธุ์: ตอนกิ่ง
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอกหอมมาก
การใช้ประโยชน์:
- ไม้ประดับ
- ดอก แต่งกลิ่นเครื่องสำอาง ใช้ร้อยมาลัย
- สมุนไพร
- เนื้อไม้ใช้ก่อสร้างบ้านเรือน และเครื่องใช้ต่างๆ
ถิ่นกำเนิด: จีน อินเดีย ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย
แหล่งที่พบ: ในป่าดิบ ทั่วทุกภาคของประเทศ
สรรพคุณทางยา:
- เปลือกต้น ฝาดสมาน แก้ไข เป็นยาถ่าย
- รากแห้งและเปลือกหุ้มราก ผสมกับนมสำหรับบ่มฝี
- ดอก ขับลม ขับปัสสาวะใช้แก้วิงเวียน อ่อนเพลีย หน้ามืดตาลาย โรคเรื้อน
- ใบ แก้โรคประสาท แก้ป่วง
- เนื้อไม้ บำรุงประจำเดือนสตรี
- ผล บำรุงธาตุ แก้คลื่นเหียน แก้ไข้ ขับปัสสาวะ แก้แผลที่เท้าและเท้าแตก
- เมล็ด บำรุงธาตุ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ขับปัสสาวะ แก้แผลที่เท้าและเท้าแตก
- ยาง แก้ริดสีดวง
สถานที่พบ : หลังอาคาร 2
สร้อยอินทนิล
ชื่อวิทยาศาสร์ Thunbergia grandiflora.
ตระกูล ACANTHACEAE
ชื่อสามัญ Key Vine, Sky Flower,
Heavenly Blue, Blue Trumpet,
BengalClockvine.
ลักษณะทั่วไป:
ต้น สร้อยอินทนิลเป็นไม้เถาเลื้อยที่มีขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยพันต้นไม้อื่นไปได้ไกลประมาณ
40-50 ฟุต เถาอ่อนมีสีเขียวเข้ม ส่วนเถาแก่จะเป็นสีน้ำตาล
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะรูปทรงใบจะเป็นรูปไข่แกมรูป
หัวใจ หรือใบคล้ายใบพลูเพียงแต่ปลายใบจะแหลมกว่าใบพลู โคนใบเว้าหยักเป็นรูปหัวใจ
ใบมีขนแข็ง ๆ หากจับดูจะรู้สึกระคายมือใบมีความกว้างประมาณ 8 เซนติเมตร และมีความ
ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมต
ดอก สร้ายอินทนิลมีดอกสีฟ้าอ่อนถึงสีฟ้าเข้ม อกดอกเป็นช่อตามข้อต้นหรือตามซอกใบ ดอกช่อ
หนึ่ง ๆ ยาวประมาณ 3 ฟุต ลักษณะของดอกเป็นทรงกรวย ห้อยลง มี 5 กลีบ ขนาดของกลีบ
ดอกไม่เท่ากัน โคนดอกเป็นหลอดปลายบานออก ภายในดอกมีเกสร 4 อัน ซึ่งมีความยาว
ไม่เท่ากัน คือจะสั้น 2 อัน และยาวอีก 2 อัน
ฤดูกาลออกดอก: สร้อยอินทนิลจะออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์: การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการปักชำ
สถานที่พบ : หลังอาคาร 2
อ้างอิง http://www.nanagarden.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น